วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประเพณีวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย

     ประเพณีวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย        

ประเพณีแห่ช้าง บวชนาค หาดเสี้ยว
ประเพณีแห่ช้าง บวชนาค หาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย                                                                                        จัดขึ้นวันที่ 7-8 เมษายนของทุกปี ณ วัดหาดเสี้ยว ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นประเพณีของชาวบ้านหาดเสี้ยวเป็นชาวไทยพวน ที่อพยพมาจากเมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวางทางตอนเหนือของเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว
  ชาวบ้านเรียกว่า “บวชช้าง” งานประเพณีบวชช้างหาดเสี้ยว เป็นประเพณีของชาวบ้านหาดเสี้ยวเป็นชาวไทยพวน ที่อพยพมาจากเมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวางทางตอนเหนือของเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว เมื่อมาตั้งรกราก ณ สถานที่ปัจจุบันก็ยังคงสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของตนเองตลอดมา เป็นเวลากว่า 150 ปีแล้ว โดยชาวไทยพวนมีความเชื่อพิเศษมาจาก “เวสสันดรชาด” ว่าเป็นพระวสสันดรประสูตินั้นเป็นวันที่ได้ช้างเผือกสำคัญคือ “ช้างปัจจัยนาเคนทร์” ซึ่งสามารถดลบันดาลให้ผนตกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชพันธ์ธัญญาหารสมบูรณ์เป็นช้างคู่บารมีพระเวสสันดรและคู่บ้านคู่ เมือง การจัดให้นาคนั่งบนหลังช้าง แล้วแห่เป็นริ้วขบวนนั้น ก็เลียนแบบมาจากเรื่องราวในพระเวสสันดรทรงช้างนาเคนทร์นั่นเอง
งานจะจัด 3 วัน คือวันสุกดิบ วันแห่นาค (เป็นไฮไลท์ของงาน) และวันบวช วันสุกดิบนั้นเป็นวันเตรียมงาน ทางญาติของเจ้าภาพจะออกไป “เถี่ยวบ้าน” คือเดินไปบอกบุญตามญาติบ้านมิตรเพื่อเชิญมาร่วมงาน ผู้ที่จะออกไปเถี่ยวบ้านจะต้องแต่งกายชุดพื้นเมืองในวันสุกดิบจะมีงานเลี้ยง ตลอดจนมหรสพสมโภช วันรุ่งชึ้น (7 เมษายน ของทุกปี) ซึ่งเป็นวันแห่นาค ในตอนเช้าญาติจะช่วยกันโกนผม โกนคิ้ว อาบน้ำ แต่งตัวให้นาก ต่อจากนั้นให้นากไปรับศีลจากพระที่วัดใกล้บ้าน แล้วกลับบ้าน มาเปลี่ยนชุดนาคสีขาวออก แต่งตัวเป็นลูกแก้วด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองสีสีนสวยงาม สวมเครื่องประดับแก้วแหวนเงินทองต่างๆ แต่งหน้าแต่งตาอย่างสวยงาม สวมแว่นตาดำ สวมเทริดบนศรีษะแล้วให้นั่งพนมมือถือธูปเทียนอยู่บนคอช้าง ซึ่งได้รับการอาบน้ำแต่งตัวอย่างสวยงาม แล้วจึงคลื่อนขบวนแห่ออกจากบ้าน มาสิ้นสุดที่วัดหาดเสี้ยว หลังจากนั้นให้นาคลงหลังช้างไปไหว้ศาลพระภูมิในวัดและเข้าโบสถ์ทำพิธีทาง ศาสนา เมื่อเสร็จแล้ขบวนของนาคทุกองค์จะร่วมกันเป็นขบวนใหญ่แห่รอบหมู่บ้าน แล้วจึงแยกย้ายกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้นเป็น “วันบวช” จึงแห่นาคไปบวชวัด ตามพิธีทางพุทธศาสนา หรืออาจจะมีพิธีบวชในตอนเย็นหลังจากแห่ช้างเสร็จแล้วโดยผู้บวชเป็นพระภิกษุ นั้น ชาวไทยพวนเรียกว่า “เจ้าสัว” ส่วนสามเณรเรียกว่า “จั่วอ้าย”


งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง




งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง
           จัดขึ้นในวันที่ 18-19เมษายนของทุกปี ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อ เมืองด้ง ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย การจัดงานจัดขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู “หมื่นนคร” หรือ “เจ้าพ่อเมืองด้ง” ผู้สร้างเมืองด้ง ซึ่งมีความเก่งกล้าทางด้านการสู้รบ เชี่ยวชาญ เที่ยว งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง จังหวัดสุโขทัย
กิจกรรม การแห่รดน้ำเจ้าพ่อเมืองด้ง การแสดงพื้นบ้านที่หาชมได้ยาก การละเล่นพื้นบ้าน การจำหน่ายผลไม้และสินค้าพื้นเมือง
ประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าพ่อเมืองด้ง เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวตำบลบ้านตึก ที่ในอดีตเป็นที่ตั้งของอำเภอด้ง (ศรีสัชนาลัย) โดยประเพณีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงชีวิตความผูกพันระหว่างคนกับช้าง และเพื่อสักการะเจ้าหมื่นด้ง (ทหารเอกของพระเจ้าติโลกราช ผู้ครองเมืองเชลียง) สำหรับงานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าพ่อเมืองด้งนั้น (คำว่าโฮงในภาษาเหนือ แปลว่า ศาล) จะเริ่มต้นหลังจากวันสงกรานต์ 7 วัน โดยเจ้าของช้างและควาญช้างจะทำการอาบน้ำให้ช้าง จากนั้นก็จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญต่อหน้าช้าง และกราบเท้าช้างเพื่อทดแทนบุญคุณที่ทำงานหนักมาตลอดปี
งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง กำหนดจัดงานในวันที่ 18-19 เมษายนของทุกปี ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อเมืองด้ง ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย การจัดงานจัดขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู “หมื่นนคร” หรือ “เจ้าพ่อเมืองด้ง” ผู้สร้างเมืองด้ง ซึ่งมีความเก่งกล้าทางด้านการสู้รบ เชี่ยวชาญในการจับช้าง และใช้ช้างศึก ภายหลังต้องยอมรับโทษประหาร เพื่อแสดงความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อพระเจ้าติโลกราช เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2012 ต่อมาชาวบ้านได้จัดพิธีบวงสรวง เจ้าพ่อเมืองด้งด้วยการจัดขบวนช้างที่ตกแต่งอย่างสวยงามกว่า 50 เชือก ผ่านหมู่บ้านไปไหว้ศาลเจ้าพ่อข้าวมุ้ง และไปลานอนุสรณ์เจ้าพ่อเมืองด้ง เพื่อทำพิธีบวงสรวง สักการะอนุสาวรีย์เจ้าพ่อเมือง ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จัดขึ้นเป็นครั้งที่กว่า 500 ครั้งแล้ว
หลายคนมาบนบานที่ อนุสาวรีย์เจ้าหมื่นด้ง และแก้บนด้วย การชกมวย เนื่องด้วยเจ้าหมื่นด้งเป็นนักต่อสู้ ชายชาตินักรบ คนสมัยก่อนวัดความมีฝีมือ ด้วยการต่อสู้ ความแข็งแกร่ง และมหรสพทุกครั้งจะขาดเวทีมวยไปไม่ได้


งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช


งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัย
             กำหนดการจัดงาน คือ วันที่ 17 มกราคมของทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่มีต่อประชาชนชาวไทย สถานที่จัดงาน บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และโรงเรียนสุโขทัยพิทยาคมเที่ยว งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัย เดือนธันวาคม ปีพระพุทธศักราช 2531 สำนักงานสภาจังหวัดสุโขทัย ได้มีหนังสือเสนอต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขอให้มีการกำหนด "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" ขึ้น โดยถือเอา วันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงประกอบพระราชพิธีและทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช"
            ต่อมาคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย และจัดเอกสารทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ได้พิจารณาทบทวนเรื่องการกำหนดวันสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยคำนึงถึงความ เหมาะสม และความถูกต้องตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้เสนอความคิดว่าควรที่จะเป็น วันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพบหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จะเป็นการเหมาะสมกว่า ซึ่งวันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ปีพระพุทธศักราช 2376 ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปีพระพุทธศักราช 2532 ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ในการกำหนดวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์และ โบราณคดี ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว
           ดังนั้นวันที่ 17 มกราคม ปีพระพุทธศักราช 2533 จึงเป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" วันสำคัญทางประวัติศาสตร์วันหนึ่งซึ่งถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
           นับแต่นั้นมาจังหวัดสุโขทัย และทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดให้มี งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช วันที่ 17 มกราคม เป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่มีต่อประชาชนชาวไทย กิจกรรมหลักประกอบด้วย พิธีสักการะ บวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ขบวนแห่ และพิธีสวดสรภัญญะ ฯลฯ โดยสถานที่จัดงานของจังหวัดสุโขทัย คือ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ส่วนสถานที่จัดงานของมหาวิทยาลัยรามคำแหง คือ ณ บริเวณลานพ่อขุน และหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช


งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ

งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย

            “ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จัดขึ้นเพื่อร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย ขอขมาพระแม่คงคาที่ใช้น้ำในการอุปโภค บริโภค ตลอดจนการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลอง และเป็นการลอยเคราะห์ อธิษฐานขอสิ่งที่ตนปรารถนาตามคติดั้งเดิม นับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธาน
งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ สุโขทัย
             เชื่อกันว่าเป็นงานที่มีขึ้นในสุโขทัยตั้งแต่โบราณ ตามคติความเชื่อว่าเป็นการบูชา และขอขมาพระแม่คงคาเป็นการสะเดาะเคราะห์ และบูชาพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระบาท มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟ และหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์บรรยายถึงลักษณะของกระทงที่นางนพมาศประดิษฐ์สำหรับลอยประทีปเป็นรูปดอกบัวบานถวายสมเด็จพระร่วงเจ้า ทำให้รู้ว่ามีประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ในสุโขทัยตั้งแต่สมัยพระร่วง
             ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ยังมีอยู่ในบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง พระราชพิธีสิบสองเดือน กล่าวไว้ว่า " การลอยพระประทีป ลอยกระทงนี้ เป็นนักขัตฤกษ์ที่รื่นเริงทั่วไปของชนทั้งปวง ทั่วกัน ไม่เฉพาะแต่การหลวง แต่จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์อันใดเกี่ยวข้องเนื่องในการลอยพระประทีปนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าใจว่า ตรงกับคำที่ว่า ลอยโคมลงแช่น้ำเช่นกล่าวมาแล้ว แต่ควรนับถือว่าเป็นราชประเพณีซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนครยังอยู่ฝ่ายเหนือ " นิยมทำกันในวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกๆ ปี ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำตามแม่น้ำ ลำคลองขึ้นสูง และอากาศเริ่มเย็นลง
           ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ที่สุโขทัย นับเป็นงานประเพณีลอยกระทงที่จัดได้ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย หัวใจของงานนี้ คือ ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ พลุ ตะไล ไฟพะเนียง ดอกไม้ไฟชนิดต่าง ๆ จังหวัดสุโขทัย กรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมกันจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ในบรรยากาศของกรุงสุโขทัย เมื่อ 700 ปีให้กลับฟื้นคืนชีวิตมาอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน
            สำหรับจังหวัดสุโขทัย ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของการจัดงานประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย เอกลักษณ์ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ เป็นที่เลื่องลือ เช่นมี กระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ งานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดปสานโบราณ หรือ ตลาดแลกเบี้ย คือ การจำลองบรรยากาศการซื้อ ขาย แบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมด้วยการแลกหอยเบี้ยแทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อขาย อาหารพื้นเมือง และ การแสดงแสง สี เสียง สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมเมืองมรดกโลก
          ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ การจัดงานประเพณีลอยกระทง กระทง เผาเทียน เล่นไฟ อันเป็นเอกลักษณ์ เช่นมี กระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ งานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดปสานโบราณ หรือ ตลาดแลกเบี้ย คือ การจำลองบรรยากาศการซื้อ ขาย แบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมด้วยการแลกหอยเบี้ยแทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อขาย อาหารพื้นเมือง และ การแสดงแสง สี เสียง สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมเมืองมรดกโลก
         ในงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ได้จัดให้มีพิธีเผาเทียนแบบโบราณ โดยเชิญชวนให้ประชาชนทั้งหลายร่วมพิธีซื้อตะคัน เผาเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดแล้วนำไปวางบนฐานหรือระเบียงโบสถ์ วิหาร พระเจดีย์ โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ทำให้เกิดแสงสว่างระยิบระยับนับร้อยนับพันดวง เป็นบุญกุศลที่ได้ร่วมแรงศรัทธาพร้อมกัน หากใครจะนำตะคันกลับบ้านเพื่อเป็นที่ระลึกนึกถึงงานเผาเทียนเล่นไฟที่สุโขทัยก็ได้

งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาด


งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาด จังหวัดสุโขทัย

           เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ชาวสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง ได้ร่วมสักการะพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุโขทัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจังหวัดสุโขทัย ตลอดจนเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่ดีงาม
กำหนดการจัดงาน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี สถานที่จัดงานบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด
ประวัติความเป็นมา ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 3 บรรทัดที่ 4 กล่าวว่า "เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกุฎีพิหารปู่ครูอยู่ มีสรีดภงส มีป่าพร้าวป่าลาง มีป่าม่วงป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุง ผีเทพยดา ในเขาอันนั้นเป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี…"
ในสมัยสุโขทัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ เทวดาที่อยู่ที่เขาหลวง (พระขพุง) เชื่อกันว่า คือ พระแม่ย่าในปัจจุบัน พระแม่ย่าเป็นเทวรูปหินสลักจากหินชนวน สูงประมาณหนึ่งเมตรเศษ ประทับยืน ทรงพระภูษาท่อนล่างและไม่ทรงฉลองพระองค์เทวรูปนี้เดิมประดิษฐานอยู่ในถ้ำพระแม่ย่า ซึ่งเป็นเพิงหินขนาดใหญ่บริเวณเขาหลวง อยู่ห่างจากเมืองเก่าสุโขทัยประมาณ 7 กิโลเมตร ต่อมา พ.ศ. 2458 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จตรวจราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้รับสั่งให้พระยารามราชภักดี เจ้าเมืองสุโขทัยสมัยนั้นอัญเชิญพระแม่ย่ามาประดิษฐานไว้บนศาลากลาง (หลังเดิม ปัจจุบันถูกรื้อไปแล้ว) ต่อมาปี พ.ศ. 2496 จังหวัดสุโขทัยได้สร้างศาลพระแม่ย่าขึ้นที่หน้าศาลากลางจังหวัด และอัญเชิญพระแม่ย่าขึ้นประดิษฐาน ปรากฏว่ามีประชาชนมาสักการะบูชากราบไหว้เป็นจำนวนมาก เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสุโขทัย ทุกปีทางจังหวัดสุโขทัยจะจัดงานเฉลิมฉลองพระแม่ย่าเป็นงานประจำปีร่วมกับงานกาชาดของจังหวัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ได้มีการปรับปรุงศาลพระแม่ย่าขึ้นใหม่และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541
งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาดจังหวัดสุโขทัย เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ชาวสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง ได้ร่วมสักการะพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุโขทัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจังหวัดสุโขทัย ตลอดจนเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งในปีนี้จังหวัดสุโขทัย กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2555 บริเวณริมแม่น้ำยม หน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การสักการะพระแม่ย่า การออกรางวัลสลากกาชาด การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การจัดนิทรรศการ การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือสินค้า OTOP การจำหน่ายสินค้าราคาถูก การออกร้านมัจฉากาชาด การเดินแบบแฟชั่นกาชาดการกุศลของผู้แสดงกิตติมศักดิ์ นิทรรศการของส่วนราชการ และการแสดงคอนเสิร์ตวงดนตรีชื่อดัง

งานวันพิชิตยอดเขาหลวง

งานวันพิชิตยอดเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย
       งานวันพิชิตยอดเขาหลวง เป็นงานประจำปีที่จังหวัดสุโขทัย จัดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ โดยจัดขึ้นประมาณกลางเดือนธันวาคมของทุกปี
งานวันพิชิตยอดเขาหลวง เป็นงานประจำปีที่จังหวัดสุโขทัย จัดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ โดยจัดขึ้นประมาณกลางเดือนธันวาคมของทุกปี
สำหรับอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย เป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์แห่งแรกของเมืองไทย จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี พบว่ามีการอนุรักษ์ป่าแห่งนี้ไว้พร้อมกับธรรมชาติในสมัยก่อนเรียกป่านี้ว่า “ป่าเขาหลวง”
อุทยานฯ แห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 2 แสนไร่ ประกอบด้วย ขุนเขาจำนวน 4 ยอด ที่เด่นเป็นสง่าท้าทายนักปีนเขา คือ ยอดเขานารายณ์ ยอดเขาพระเจดีย์ ยอดเขาพระแม่ย่า และยอดเขาภูกา แต่ละยอดสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,200 เมตร มีหน้าผาสูงชัน
เมื่อมองลงมาจากยอดเขาเหล่านี้ จะเห็นทิวทัศน์ที่งดงาม เห็นทำนบกั้นน้ำที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยที่เรียกกันว่า “สรีดภงค์” เห็นตัวจังหวัดสุโขทัยได้อย่างชัดเจน และเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ ทั้งในช่วงเช้าและยามเย็น ที่สวยงามสมดังชื่อของ “สุโขทัย” ซึ่งมีความหมาย “รุ่งอรุณแห่งความสุข” นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่านานาชนิดให้ได้พบเห็น และน้ำตก ถ้ำต่างๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมไม่ต่ำ กว่า 60,000 คน











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น