วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อาหารของจังหวัดสุโขทัย

อาหารของจังหวัดสุโขทัย




                 “ข้าวเปิ๊ปหรือ ก๋วยเตี๋ยวพระร่วงชื่อนี้อาจจะฟังแปลกสำหรับหลายคน แต่นี่คืออาหารประจำท้องถิ่นขึ้นชื่อจากบ้านนาต้นจั่น ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยใช้แป้งข้าวเจ้าละเลงให้เป็นแผ่น บนผ้าขาวบางซึ่งขึงตึงบนปากหม้อดิน คล้ายกับการทำข้าวเกรียบปากหม้อ ตรงนี้ต้องใช้ความชำนาญพอควร จึงได้เนื้อแป้งที่มีความหนากำลังดี ไม่บางเกินไป
              จากนั้น ใส่วุ้นเส้น ผักบุ้ง กระหล่ำปลีที่ทั้งสด และกรอบ ลงบนแป้ง แล้วปิดฝานึ่ง เมื่อสุกจึงพับแป้ง (ลักษณะพับไปมา สู่ที่มาของคำว่า เปิ๊ป) เพื่อห่อผัก ตักใส่ชามเติมหมูสับ กากหมู น้ำซุปต้มกระดูกหมูรสชาติหวานกลมกล่อม ส่งกลิ่นหอมฉุยยั่วน้ำลาย และโปะไข่ดาวนึ่ง 1 ฟอง โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว หอม ผักชี ทานร้อน ๆ ซดคล่องคอ ส่วนประกอบทุกอย่างทานเข้ากันลงตัว โดยไม่ต้องปรุงเพิ่ม อร่อย และให้คุณค่าทางอาหารสูง เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ด ที่หากไปเที่ยวสุโขทัย ไม่ควรพลาดลิ้มลอง.



แหล่งที่มา : http://www.api586.com/forum/index.php?topic=172.0

ของฝากและผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ

ของฝากและผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อ


เครื่องสังคโลก
เป็นเครื่องสังคโลกที่ทำเลียนแบบของเดิมได้เหมือนจริงและงดงามมาก เหมาะเป็นสินค้าที่ระลึกอย่างยิ่ง อีกทั้งราคายังย่อมเยา
เครื่องปั้นดินเผาทุ่งหลวง
อำเภอคีรีมาศ เป็นงานดินเผาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นหม้อรูปต่างๆ มีลายฉลุ หรือเป็นรูปสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย เช่น กบ อึ่งอ่าง สุนัข
ทองโบราณ
สินค้า ที่ระลึกที่มีชื่อเสียง คุณค่าสูงทั้งด้านวัตถุและฝีมือช่างของ อ.ศรีสัชนาลัย ทำขึ้นใหม่จากฝีมือคนท้องถิ่นโดยไม่ใช้เครื่องจักรใด ๆ ช่วย โดยทำเลียนแบบเครื่องประดับโบราณสุโขทัย เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล ต่างหู แหวน เป็นต้น
เงินโบราณ
เพิ่ง ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสร้างงานและรายได้ให้แก่ชาวบ้าน เป็นงานฝีมือแท้ๆ ที่ใช้ความประณีตในแต่ละขั้นตอน ทำเลียนแบบเครื่องทองโบราณ หาชมได้ตามร้านเครื่องเงินในเขต อ. ศรีสัชนาลัย
ขนมเกลียว
เป็น ของฝากประเภทขบเคี้ยวที่ขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งหมี่ผสมไข่ ปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือ เคล้าให้เข้ากัน ก่อนจะนำมาปั้นเป็นเกลียว ทอดกรอบ คลุกน้ำตาล มีรสหวาน หาซื้อได้ตามร้านขายของฝากทั่วไป หรือสามารถติดต่อซ้อโดยตรงที่ ร้านครูแอ๊ว โทร. 612-037 ร้านสุคนธา โทร. 612-112
ถั่วทอด
เป็น ของฝากขึ้นชื่อของ อ. ศรีสำโรง จนมีคนขนานนามว่า "ถั่วทอดสองร้อยปี" เนื่องจากมีการถ่ายทอดสูตรดั้งเดิมจากรุ่นปู่ย่า มาสู่รุ่นหลาน ทำจากแป้งข้าวจ้าว แป้งหมี่ ไข่ กะทิ เกลือ พริกไทย และกลอยหั่น นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบ สามารถสั่งซื้อได้โดยตรงที่ ร้านลอนศิลป อ.ศรีสำโรง โทร. 681-443 และร้านถั่วทอดทั่วไปใน อ.ศรีสำโรง
กล้วยอบเนย
เป็น ของฝากของ อ. คีรีมาศ คล้ายกับขนมรังนกซึ่งใช้มันเทศแต่ดัดแปลงมาใช้กล้วยแทน ทำมาจากกล้วยน้ำว้าดิบปอกเปลือกซอยขวางเป็นชิ้นบาง ๆ ผึ่งลมไว้ครึ่งวันก่อนจะนำไปปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และเนยครีม (คอฟฟี่เมท)
ผ้าทอหาดเสี้ยว
ใน เขต อ. ศรีสัชนาลัย เป็นผ้าซิ่นตีนจกที่งดงามหลากหลายสี เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เป็นฝีมือของชาวไทยพวนที่อพยพมาจากเมืองพวน ทางตอนเหนือของเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว
ขนมผิง ทองม้วน ทองพับ และ ทองตัน
เป็น ของฝากของที่ระลึกที่มีรสชาติอร่อย กรอบ และ มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทั้งมีลักษณะเป็นแผ่นม้วนกลมพับแผ่นสี่เหลี่ยม ม้วนแน่นทึบ โดยหาซื้อได้จากตลาด บ้านกง หรือร้านขายของฝาก ของที่ระลึกในจังหวัดสุโขทัย

แหล่งที่มา:http://sukhothai.mots.go.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=538844367

ประเพณีวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย

     ประเพณีวัฒนธรรมของจังหวัดสุโขทัย        

ประเพณีแห่ช้าง บวชนาค หาดเสี้ยว
ประเพณีแห่ช้าง บวชนาค หาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย                                                                                        จัดขึ้นวันที่ 7-8 เมษายนของทุกปี ณ วัดหาดเสี้ยว ตำบลหาดเสี้ยว อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นประเพณีของชาวบ้านหาดเสี้ยวเป็นชาวไทยพวน ที่อพยพมาจากเมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวางทางตอนเหนือของเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว
  ชาวบ้านเรียกว่า “บวชช้าง” งานประเพณีบวชช้างหาดเสี้ยว เป็นประเพณีของชาวบ้านหาดเสี้ยวเป็นชาวไทยพวน ที่อพยพมาจากเมืองพวน แขวงเมืองเชียงขวางทางตอนเหนือของเมืองเวียงจันทร์ ประเทศลาว เมื่อมาตั้งรกราก ณ สถานที่ปัจจุบันก็ยังคงสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของตนเองตลอดมา เป็นเวลากว่า 150 ปีแล้ว โดยชาวไทยพวนมีความเชื่อพิเศษมาจาก “เวสสันดรชาด” ว่าเป็นพระวสสันดรประสูตินั้นเป็นวันที่ได้ช้างเผือกสำคัญคือ “ช้างปัจจัยนาเคนทร์” ซึ่งสามารถดลบันดาลให้ผนตกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชพันธ์ธัญญาหารสมบูรณ์เป็นช้างคู่บารมีพระเวสสันดรและคู่บ้านคู่ เมือง การจัดให้นาคนั่งบนหลังช้าง แล้วแห่เป็นริ้วขบวนนั้น ก็เลียนแบบมาจากเรื่องราวในพระเวสสันดรทรงช้างนาเคนทร์นั่นเอง
งานจะจัด 3 วัน คือวันสุกดิบ วันแห่นาค (เป็นไฮไลท์ของงาน) และวันบวช วันสุกดิบนั้นเป็นวันเตรียมงาน ทางญาติของเจ้าภาพจะออกไป “เถี่ยวบ้าน” คือเดินไปบอกบุญตามญาติบ้านมิตรเพื่อเชิญมาร่วมงาน ผู้ที่จะออกไปเถี่ยวบ้านจะต้องแต่งกายชุดพื้นเมืองในวันสุกดิบจะมีงานเลี้ยง ตลอดจนมหรสพสมโภช วันรุ่งชึ้น (7 เมษายน ของทุกปี) ซึ่งเป็นวันแห่นาค ในตอนเช้าญาติจะช่วยกันโกนผม โกนคิ้ว อาบน้ำ แต่งตัวให้นาก ต่อจากนั้นให้นากไปรับศีลจากพระที่วัดใกล้บ้าน แล้วกลับบ้าน มาเปลี่ยนชุดนาคสีขาวออก แต่งตัวเป็นลูกแก้วด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองสีสีนสวยงาม สวมเครื่องประดับแก้วแหวนเงินทองต่างๆ แต่งหน้าแต่งตาอย่างสวยงาม สวมแว่นตาดำ สวมเทริดบนศรีษะแล้วให้นั่งพนมมือถือธูปเทียนอยู่บนคอช้าง ซึ่งได้รับการอาบน้ำแต่งตัวอย่างสวยงาม แล้วจึงคลื่อนขบวนแห่ออกจากบ้าน มาสิ้นสุดที่วัดหาดเสี้ยว หลังจากนั้นให้นาคลงหลังช้างไปไหว้ศาลพระภูมิในวัดและเข้าโบสถ์ทำพิธีทาง ศาสนา เมื่อเสร็จแล้ขบวนของนาคทุกองค์จะร่วมกันเป็นขบวนใหญ่แห่รอบหมู่บ้าน แล้วจึงแยกย้ายกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้นเป็น “วันบวช” จึงแห่นาคไปบวชวัด ตามพิธีทางพุทธศาสนา หรืออาจจะมีพิธีบวชในตอนเย็นหลังจากแห่ช้างเสร็จแล้วโดยผู้บวชเป็นพระภิกษุ นั้น ชาวไทยพวนเรียกว่า “เจ้าสัว” ส่วนสามเณรเรียกว่า “จั่วอ้าย”


งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง




งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง
           จัดขึ้นในวันที่ 18-19เมษายนของทุกปี ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อ เมืองด้ง ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย การจัดงานจัดขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู “หมื่นนคร” หรือ “เจ้าพ่อเมืองด้ง” ผู้สร้างเมืองด้ง ซึ่งมีความเก่งกล้าทางด้านการสู้รบ เชี่ยวชาญ เที่ยว งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง จังหวัดสุโขทัย
กิจกรรม การแห่รดน้ำเจ้าพ่อเมืองด้ง การแสดงพื้นบ้านที่หาชมได้ยาก การละเล่นพื้นบ้าน การจำหน่ายผลไม้และสินค้าพื้นเมือง
ประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าพ่อเมืองด้ง เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวตำบลบ้านตึก ที่ในอดีตเป็นที่ตั้งของอำเภอด้ง (ศรีสัชนาลัย) โดยประเพณีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงชีวิตความผูกพันระหว่างคนกับช้าง และเพื่อสักการะเจ้าหมื่นด้ง (ทหารเอกของพระเจ้าติโลกราช ผู้ครองเมืองเชลียง) สำหรับงานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าพ่อเมืองด้งนั้น (คำว่าโฮงในภาษาเหนือ แปลว่า ศาล) จะเริ่มต้นหลังจากวันสงกรานต์ 7 วัน โดยเจ้าของช้างและควาญช้างจะทำการอาบน้ำให้ช้าง จากนั้นก็จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญต่อหน้าช้าง และกราบเท้าช้างเพื่อทดแทนบุญคุณที่ทำงานหนักมาตลอดปี
งานประเพณีแห่น้ำขึ้นโฮง กำหนดจัดงานในวันที่ 18-19 เมษายนของทุกปี ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อเมืองด้ง ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย การจัดงานจัดขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องเชิดชู “หมื่นนคร” หรือ “เจ้าพ่อเมืองด้ง” ผู้สร้างเมืองด้ง ซึ่งมีความเก่งกล้าทางด้านการสู้รบ เชี่ยวชาญในการจับช้าง และใช้ช้างศึก ภายหลังต้องยอมรับโทษประหาร เพื่อแสดงความซื่อสัตย์ และจงรักภักดีต่อพระเจ้าติโลกราช เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2012 ต่อมาชาวบ้านได้จัดพิธีบวงสรวง เจ้าพ่อเมืองด้งด้วยการจัดขบวนช้างที่ตกแต่งอย่างสวยงามกว่า 50 เชือก ผ่านหมู่บ้านไปไหว้ศาลเจ้าพ่อข้าวมุ้ง และไปลานอนุสรณ์เจ้าพ่อเมืองด้ง เพื่อทำพิธีบวงสรวง สักการะอนุสาวรีย์เจ้าพ่อเมือง ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จัดขึ้นเป็นครั้งที่กว่า 500 ครั้งแล้ว
หลายคนมาบนบานที่ อนุสาวรีย์เจ้าหมื่นด้ง และแก้บนด้วย การชกมวย เนื่องด้วยเจ้าหมื่นด้งเป็นนักต่อสู้ ชายชาตินักรบ คนสมัยก่อนวัดความมีฝีมือ ด้วยการต่อสู้ ความแข็งแกร่ง และมหรสพทุกครั้งจะขาดเวทีมวยไปไม่ได้


งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช


งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัย
             กำหนดการจัดงาน คือ วันที่ 17 มกราคมของทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่มีต่อประชาชนชาวไทย สถานที่จัดงาน บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และโรงเรียนสุโขทัยพิทยาคมเที่ยว งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จังหวัดสุโขทัย เดือนธันวาคม ปีพระพุทธศักราช 2531 สำนักงานสภาจังหวัดสุโขทัย ได้มีหนังสือเสนอต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ขอให้มีการกำหนด "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" ขึ้น โดยถือเอา วันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงประกอบพระราชพิธีและทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช"
            ต่อมาคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย และจัดเอกสารทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ได้พิจารณาทบทวนเรื่องการกำหนดวันสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยคำนึงถึงความ เหมาะสม และความถูกต้องตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้เสนอความคิดว่าควรที่จะเป็น วันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพบหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จะเป็นการเหมาะสมกว่า ซึ่งวันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ 17 มกราคม ปีพระพุทธศักราช 2376 ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ปีพระพุทธศักราช 2532 ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ในการกำหนดวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ ซึ่งคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์และ โบราณคดี ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยแล้ว
           ดังนั้นวันที่ 17 มกราคม ปีพระพุทธศักราช 2533 จึงเป็น "วันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช" วันสำคัญทางประวัติศาสตร์วันหนึ่งซึ่งถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก
           นับแต่นั้นมาจังหวัดสุโขทัย และทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้จัดให้มี งานวันพ่อขุนรามคำแหงมหาราช วันที่ 17 มกราคม เป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชที่มีต่อประชาชนชาวไทย กิจกรรมหลักประกอบด้วย พิธีสักการะ บวงสรวงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ขบวนแห่ และพิธีสวดสรภัญญะ ฯลฯ โดยสถานที่จัดงานของจังหวัดสุโขทัย คือ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ส่วนสถานที่จัดงานของมหาวิทยาลัยรามคำแหง คือ ณ บริเวณลานพ่อขุน และหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช


งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ

งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย

            “ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จัดขึ้นเพื่อร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย ขอขมาพระแม่คงคาที่ใช้น้ำในการอุปโภค บริโภค ตลอดจนการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลอง และเป็นการลอยเคราะห์ อธิษฐานขอสิ่งที่ตนปรารถนาตามคติดั้งเดิม นับตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธาน
งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ สุโขทัย
             เชื่อกันว่าเป็นงานที่มีขึ้นในสุโขทัยตั้งแต่โบราณ ตามคติความเชื่อว่าเป็นการบูชา และขอขมาพระแม่คงคาเป็นการสะเดาะเคราะห์ และบูชาพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระบาท มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 ที่กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟ และหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์บรรยายถึงลักษณะของกระทงที่นางนพมาศประดิษฐ์สำหรับลอยประทีปเป็นรูปดอกบัวบานถวายสมเด็จพระร่วงเจ้า ทำให้รู้ว่ามีประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ในสุโขทัยตั้งแต่สมัยพระร่วง
             ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ยังมีอยู่ในบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง พระราชพิธีสิบสองเดือน กล่าวไว้ว่า " การลอยพระประทีป ลอยกระทงนี้ เป็นนักขัตฤกษ์ที่รื่นเริงทั่วไปของชนทั้งปวง ทั่วกัน ไม่เฉพาะแต่การหลวง แต่จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์อันใดเกี่ยวข้องเนื่องในการลอยพระประทีปนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าใจว่า ตรงกับคำที่ว่า ลอยโคมลงแช่น้ำเช่นกล่าวมาแล้ว แต่ควรนับถือว่าเป็นราชประเพณีซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนครยังอยู่ฝ่ายเหนือ " นิยมทำกันในวันเพ็ญเดือน 12 ของทุกๆ ปี ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำตามแม่น้ำ ลำคลองขึ้นสูง และอากาศเริ่มเย็นลง
           ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ที่สุโขทัย นับเป็นงานประเพณีลอยกระทงที่จัดได้ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย หัวใจของงานนี้ คือ ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ พลุ ตะไล ไฟพะเนียง ดอกไม้ไฟชนิดต่าง ๆ จังหวัดสุโขทัย กรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมกันจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ในบรรยากาศของกรุงสุโขทัย เมื่อ 700 ปีให้กลับฟื้นคืนชีวิตมาอีกครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน
            สำหรับจังหวัดสุโขทัย ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของการจัดงานประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย เอกลักษณ์ประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ เป็นที่เลื่องลือ เช่นมี กระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ งานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดปสานโบราณ หรือ ตลาดแลกเบี้ย คือ การจำลองบรรยากาศการซื้อ ขาย แบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมด้วยการแลกหอยเบี้ยแทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อขาย อาหารพื้นเมือง และ การแสดงแสง สี เสียง สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมเมืองมรดกโลก
          ทั้งนี้ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ อาทิ การจัดงานประเพณีลอยกระทง กระทง เผาเทียน เล่นไฟ อันเป็นเอกลักษณ์ เช่นมี กระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ งานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดปสานโบราณ หรือ ตลาดแลกเบี้ย คือ การจำลองบรรยากาศการซื้อ ขาย แบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมด้วยการแลกหอยเบี้ยแทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อขาย อาหารพื้นเมือง และ การแสดงแสง สี เสียง สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์แห่งอารยธรรมเมืองมรดกโลก
         ในงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ได้จัดให้มีพิธีเผาเทียนแบบโบราณ โดยเชิญชวนให้ประชาชนทั้งหลายร่วมพิธีซื้อตะคัน เผาเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดแล้วนำไปวางบนฐานหรือระเบียงโบสถ์ วิหาร พระเจดีย์ โบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ทำให้เกิดแสงสว่างระยิบระยับนับร้อยนับพันดวง เป็นบุญกุศลที่ได้ร่วมแรงศรัทธาพร้อมกัน หากใครจะนำตะคันกลับบ้านเพื่อเป็นที่ระลึกนึกถึงงานเผาเทียนเล่นไฟที่สุโขทัยก็ได้

งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาด


งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาด จังหวัดสุโขทัย

           เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ชาวสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง ได้ร่วมสักการะพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุโขทัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจังหวัดสุโขทัย ตลอดจนเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่ดีงาม
กำหนดการจัดงาน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี สถานที่จัดงานบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด
ประวัติความเป็นมา ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ด้านที่ 3 บรรทัดที่ 4 กล่าวว่า "เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้มีกุฎีพิหารปู่ครูอยู่ มีสรีดภงส มีป่าพร้าวป่าลาง มีป่าม่วงป่าขาม มีน้ำโคก มีพระขพุง ผีเทพยดา ในเขาอันนั้นเป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี…"
ในสมัยสุโขทัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ เทวดาที่อยู่ที่เขาหลวง (พระขพุง) เชื่อกันว่า คือ พระแม่ย่าในปัจจุบัน พระแม่ย่าเป็นเทวรูปหินสลักจากหินชนวน สูงประมาณหนึ่งเมตรเศษ ประทับยืน ทรงพระภูษาท่อนล่างและไม่ทรงฉลองพระองค์เทวรูปนี้เดิมประดิษฐานอยู่ในถ้ำพระแม่ย่า ซึ่งเป็นเพิงหินขนาดใหญ่บริเวณเขาหลวง อยู่ห่างจากเมืองเก่าสุโขทัยประมาณ 7 กิโลเมตร ต่อมา พ.ศ. 2458 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จตรวจราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ ได้รับสั่งให้พระยารามราชภักดี เจ้าเมืองสุโขทัยสมัยนั้นอัญเชิญพระแม่ย่ามาประดิษฐานไว้บนศาลากลาง (หลังเดิม ปัจจุบันถูกรื้อไปแล้ว) ต่อมาปี พ.ศ. 2496 จังหวัดสุโขทัยได้สร้างศาลพระแม่ย่าขึ้นที่หน้าศาลากลางจังหวัด และอัญเชิญพระแม่ย่าขึ้นประดิษฐาน ปรากฏว่ามีประชาชนมาสักการะบูชากราบไหว้เป็นจำนวนมาก เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวสุโขทัย ทุกปีทางจังหวัดสุโขทัยจะจัดงานเฉลิมฉลองพระแม่ย่าเป็นงานประจำปีร่วมกับงานกาชาดของจังหวัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 ได้มีการปรับปรุงศาลพระแม่ย่าขึ้นใหม่และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541
งานสักการะพระแม่ย่าและงานกาชาดจังหวัดสุโขทัย เป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ชาวสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง ได้ร่วมสักการะพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุโขทัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวจังหวัดสุโขทัย ตลอดจนเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งในปีนี้จังหวัดสุโขทัย กำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 4 มีนาคม 2555 บริเวณริมแม่น้ำยม หน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย
สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การสักการะพระแม่ย่า การออกรางวัลสลากกาชาด การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การจัดนิทรรศการ การแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือสินค้า OTOP การจำหน่ายสินค้าราคาถูก การออกร้านมัจฉากาชาด การเดินแบบแฟชั่นกาชาดการกุศลของผู้แสดงกิตติมศักดิ์ นิทรรศการของส่วนราชการ และการแสดงคอนเสิร์ตวงดนตรีชื่อดัง

งานวันพิชิตยอดเขาหลวง

งานวันพิชิตยอดเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย
       งานวันพิชิตยอดเขาหลวง เป็นงานประจำปีที่จังหวัดสุโขทัย จัดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ โดยจัดขึ้นประมาณกลางเดือนธันวาคมของทุกปี
งานวันพิชิตยอดเขาหลวง เป็นงานประจำปีที่จังหวัดสุโขทัย จัดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาหลวง ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ โดยจัดขึ้นประมาณกลางเดือนธันวาคมของทุกปี
สำหรับอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย เป็นอุทยานแห่งชาติทางประวัติศาสตร์แห่งแรกของเมืองไทย จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี พบว่ามีการอนุรักษ์ป่าแห่งนี้ไว้พร้อมกับธรรมชาติในสมัยก่อนเรียกป่านี้ว่า “ป่าเขาหลวง”
อุทยานฯ แห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 2 แสนไร่ ประกอบด้วย ขุนเขาจำนวน 4 ยอด ที่เด่นเป็นสง่าท้าทายนักปีนเขา คือ ยอดเขานารายณ์ ยอดเขาพระเจดีย์ ยอดเขาพระแม่ย่า และยอดเขาภูกา แต่ละยอดสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,200 เมตร มีหน้าผาสูงชัน
เมื่อมองลงมาจากยอดเขาเหล่านี้ จะเห็นทิวทัศน์ที่งดงาม เห็นทำนบกั้นน้ำที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัยที่เรียกกันว่า “สรีดภงค์” เห็นตัวจังหวัดสุโขทัยได้อย่างชัดเจน และเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ ทั้งในช่วงเช้าและยามเย็น ที่สวยงามสมดังชื่อของ “สุโขทัย” ซึ่งมีความหมาย “รุ่งอรุณแห่งความสุข” นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่านานาชนิดให้ได้พบเห็น และน้ำตก ถ้ำต่างๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมไม่ต่ำ กว่า 60,000 คน











วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัย


สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสุโขทัย

วัดมหาธาตุ

ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่ และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา จากการสำรวจ  พบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง 200 องค์ วิหาร 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1  แห่ง ตระพัง 4 แห่ง  ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพมหานคร ที่ด้านเหนือ และด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูป   ยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฏฐารศ" 

วัดชนะสงคราม  

     ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของวัดมหาธาตุ ใกล้กับโบราณสถานที่เรียกว่าหลักเมืองเดิมเรียกว่า วัดราชบูรณะ มีลักษณะเด่นคือ เจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ เป็นเจดีย์ประธาน และมีวิหาร โบสถ์ เจดีย์รายต่าง ๆ  





 เนินปราสาทพระร่วง


     ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับวัดมหาธาตุ มีโบราณสถานแห่งหนึ่งเรียกว่า เนินปราสาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นฐานปราสาทราชวัง ของกษัตริย์เมืองสุโขทัย กรมศิลปากรได้ขุดแต่งบูรณะ เมื่อ พ.ศ.2526พบฐานอาคารแบบฐานบัวค่ำ บัวหงาย มีลักษณะเป็นฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 27.50X51.50 เมตร มีบันไดที่ด้านหน้า และด้านหลัง  


    วัดตระพังเงิน     


    (คำว่า “ตระพัง” หมายถึง สระน้ำ หรือหนองน้ำ) เป็นโบราณสถานสำคัญ ตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ 300  เมตร โบราณสถานนี้ไม่มีกำแพงแก้ว ประกอบด้วยเจดีย์ทรงดอกบัวตูมเป็นประธาน ลักษณะเด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูม คือ มีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปยืน และพระพุทธรูปปางลีลา (จระนำ หมายถึง ชื่อซุ้มท้ายวิหาร หรือท้ายโบสถ์ มักเป็นช่องตัน) 

วัดสระศรี


เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานสำคัญอยู่บริเวณกลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ ชื่อว่า ตระพังตระกวน และสิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเจดีย์ขนาดเล็ก ศิลปศรีวิชัยผสมลังกา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ มีซุ้มพระพุทธรูป    4  ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาดย่อมเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม
วัดศรีสวาย


      ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ 350  เมตร โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3  องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง

อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย


อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย เดิมชื่อ ป่าคา หมายถึงป่าคาหลวง หรือสันกลางแม่วังช้าง ตั้งอยู่ที่บ้านป่าคา หมู่ที่ ๖ ตำบลบ้านแก่ง ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เพื่อรักษาสภาพป่าที่เป็นต้นน้ำลำธาร และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้  ครอบคลุมพื้นที่ของอำเภอศรีสัชนาลัย และอำเภอทุ่งเสลี่ยม มีพื้นที่ประมาณ 213 ตารางกิโลเมตร และต่อมากรมป่าไม้ได้ดำเนินการผนวกพื้นที่เพิ่มเติมในท้องที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง มีพื้นที่ประมาณ 106 ตารางกิโลเมตร รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 319 ตารางกิโลเมตร อุทยานฯ มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าคาขนาดใหญ่ เป็นต้นน้ำของแม่น้ำท่าแพ สภาพพื้นที่โดยทั่วไปมีลักษณะสัณฐานเป็นเทือกเขา ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบเขา สัตว์ป่าที่พบได้แก่ กระแต เสือไฟ อีเห็นข้างลาย เลียงผา เต่าปูลู เป็นต้น และได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ  ศรีสัชนาลัย เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2524 

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ประวัติของจังหวัดสุโขทัย

ประวัติของจังหวัดสุโขทัย


 ตราประจำจังหวัดสุโขทัย
  
ภาพพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง 

ประทับบนพระแท่นมนังคศิลา ปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินให้ได้รับความ
ร่มเย็นเป็นสุข   และทรงบริหารราชอาณาจักรแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองที่สุด
ในช่วงปี  พ.ศ.  1822  ถึง พ.ศ. 1842  

 จังหวัดสุโขทัย ใช้อักษรย่อว่า "สท"

                                                คำขวัญของจังหวัดสุโขทัย

       "มรดกโลกล้ำเลิศ                            กำเนิดลายสือไทย 
      เล่นไฟลอยกระทง                         ดำรงพุทธศาสนา
                 งามตาผ้าตีนจก                                 สังคโลก ทองโบราณ 
               สักการแม่ย่า พ่อขุน                           รุ่งอรุณแห่งความสุข"


      ธงประจำจังหวัดสุโขทัย

               

          เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีพื้นสี ๓ สี แถบแดงอยู่เบื้องบน แถบสีเหลืองอยู่ตรงกลาง และแถบเขียวอยู่เบื้องล่าง พื้นธงมุมบนด้านใกล้คันธง มีภาพพ่อขุนรามคำแหงมหาราชพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วงประทับบนพระแท่นมนังคศิลาและมีคำว่าจังหวัดสุโขทัยอยู่เบื้องล่างใต้ฐานยอดคันธงชิดกับมุมบนของธงด้านเสามีแถบสีแดง สีเหลืองและสีเขียวห้อยชายมายังเบื้องล่างในลักษณะพองาม การใช้สีแดง สีเหลือง และสีเขียวเป็นพื้นธงมีความหมายดังนี้
สีแดง  หมายถึง พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้แผ่ขยายอาณาเขตออกไปได้อย่างกว้างขวาง ทิศเหนือได้เมืองแพร่ เมืองน่าน ทิศตะวันตกถึงเมืองหงสาวดี ทิศตะวันออกแผ่พระราชอาณาเขตออกไปจนถึงแม่น้ำโขง ต่อแดนเวียงจันทน์และเวียงคำ ทิศใต้ได้ตลอดถึงแหลมมาลายู นับว่าดินแดนของประเทศไทยสมัยนั้นแผ่ขยายกว้างขวางยิ่งกว่าสมัยใดทั้งสิ้น
สีเหลือง   หมายถึง  พระพุทธศาสนา ในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีได้ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาจนเจริญรุ่งเรืองและนิมนต์พระสังฆราชจากลังกามาปรับปรุงกิจการคณะสงฆ์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยต้องตามพุทธบัญญัติ และเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์เสด็จออกทรงผนวช
สีเขียว   หมายถึง  การเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทยสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ประชาชนดำรงชีพด้วยความสบาย ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ ใครใคร่ประกอบอาชีพใดก็ตามใจชอบ เจ้าเมืองไม่เก็บจังกอบ จึงอยู่กันด้วยความเป็นสุขสบาย ดังปรากฏตามศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราชหลักที่ 1   ดังนี้
"เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่อเอา    จกอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้าง ค้า ใครจักใคร่ค้าม้า ค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทอง ค้า   ไพร่ฟ้าหน้าใส

ดอกไม้ประจำจังหวัดได้แก่  ดอกบัวหลวง

สภาพภูมิศาสตร์

ขนาดและที่ตั้ง  จังหวัดสุโขทัยตั้งอยู่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพมหานครตามระยะทางหลวงแผ่นดินประมาณ 440 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ  6,596.092  ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4,122,557  ไร่

ลักษณะภูมิประเทศ                                                                                                                                             ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม โดยตอนเหนือเป็นที่ราบสูงมีภูเขาเป็นพืดยาวมาทางทิศตะวันตก พื้นที่ตอนกลางเป็น ที่ราบและตอนใต้เป็นที่ราบสูง มีแม่น้ำไหลผ่านจากเหนือลงใต้ โดยผ่านพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัย  สวรรคโลก ศรีสำโรง   เมืองสุโขทัย   และอำเภอ   กงไกรลาศ เป็นระยะทางประมาณ 170  กิโลเมตร จังหวัดสุโขทัยมีภูเขาที่สูงที่สุด คือ เขาหลวง ซึ่งยอดเขามีความสูง 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ลักษณะภูมิอากาศ
            สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปของจังหวัดสุโขทัย มีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปตามอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งออกได้เป็น 3 ฤดู คือ   ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว อุณหภูมิโดยเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 27.6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย  33.0  องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.2 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 1,208.8๘ มิลลิเมตร บริเวณที่มีฝนตกมากที่สุดจะอยู่ตอนบนของจังหวัด บริเวณอำเภอศรีสัชนาลัย และอำเภอศรีนคร

ประชากร
            ประชากรในจังหวัดสุโขทัยส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมากจากชาวไทยดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้นานมาแล้ว โดยมีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ตลอดจนสำเนียงภาษาพูดเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จะมีคนอพยพมาจากท้องถิ่นอื่นบ้างไม่มากนัก นอกจากนี้ยังมี  ชนกลุ่มน้อย เป็นชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง ม้ง  เย้า และลีซอ ซึ่งส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้มานานแล้ว และอีกส่วนหนึ่งอพยพมาจากจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดลำปาง น่าน พะเยา เชียงราย แพร่  ตาก และเพชรบูรณ์  ปัจจุบันชาวเขาเหล่านี้อาศัยอยู่ในเขตตำบลบ้านแก่ง และตำบลแม่สิน แม่สำ ในอำเภอศรีสัชนาลัย มีจำนวนประมาณ 428   หลังคาเรือน

ทรัพยากรธรรมชาติ
            
จังหวัดสุโขทัยเป็นจังหวัดหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบด้วยป่าไม้มีค่า  มีพื้นที่ดินที่เหมาะสมแก่การเพาะปลูก มีแร่ธาตุที่สำคัญ มีแหล่งน้ำธรรมชาติและทรัพยากรการท่องเที่ยว  ทั้งแหล่งธรรมชาติที่งดงามเหมาะแก่การท่องเที่ยว ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวสุโขทัย

ทรัพยากรป่าไม้ 
จังหวัดสุโขทัยเป็นจังหวัดหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรป่าไม้ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ จังหวัดสุโขทัยมีเนื้อที่ป่าไม้ 2,367.08 ตารางกิโลเมตร  หรือประมาณร้อยละ 35.63ของเนื้อที่ทั้งหมดของจังหวัด  กรมป่าไม้ได้ประกาศกำหนดพื้นที่ป่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 12 แห่ง เนื้อที่ 1,923,499.75 ไร่ อุทยานแห่งชาติ จำนวน 2  แห่ง เนื้อที่ 346,375 ไร่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน  1 แห่ง   เนื้อที่ 15,875 ไร่ และวนอุทยาน จำนวน 1 แห่ง เนื้อที่ 11,250 ไร่

 ทรัพยากรน้ำ  จังหวัดสุโขทัยมีแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน (น้ำบาดาล) ที่สำคัญดังนี้
            แม่น้ำยม  
เกิดจากสันเขาผีปันน้ำ อำเภอปง จังหวัดพะเยา ไหลผ่านจังหวัดแพร่ และจังหวัดสุโขทัย จากทางเหนือสู่ทางใต้ ผ่านพื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอกงไกรลาศ เป็นระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร ไปบรรจบแม่น้ำน่านที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำยมเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดของจังหวัดสุโขทัย เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของจังหวัด ราษฎรส่วนใหญ่ได้อาศัยน้ำจากแม่น้ำยมในการทำการเกษตรและการอุปโภค บริโภค   แม่น้ำยมเป็นแม่น้ำที่มีความลาดเทสูง โดยเฉพาะช่วงต้นน้ำ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำ คือในฤดูฝนจะมีน้ำมากเกินความต้องการ และไหลลงสู่ทางใต้อย่างรวดเร็ว  ทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณที่ราบลุ่ม จนเป็นเหตุให้พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะมีปริมาณน้อย ลำน้ำจะแห้งขอดเป็นตอน ๆ ราษฎรจึงไม่มีน้ำใช้ในการเกษตรเพียงพอ ปัจจุบันได้มีการสร้างแหล่งเก็บน้ำถาวรเป็นช่วง ๆ
            ห้วยแม่มอก
  เกิดจากเทือกเขาในเขตจังหวัดลำปาง ไหลจากทิศตะวันตกไปตะวันออกผ่านอำเภอทุ่งเสลี่ยม อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง และเข้าสู่อำเภอเมืองสุโขทัย จะถูกกลืนไปกับลักษณะพื้นที่ราบลุ่มขนาดใหญ่ เป็นระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร
            ห้วยแม่ลำพัน
  เกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ไหลจากทางทิศตะวันตกไปตะวันออก ผ่านอำเภอบ้านด่านลานหอย แล้วมาบรรจบกับแม่น้ำยมที่อำเภอเมืองสุโขทัย เป็นระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร
            ห้วยแม่ท่าแพ  เกิดจากเทือกเขาในเขตอำเภอศรีสัชนาลัย ไหลลงมาทางทิศใต้ ผ่านพื้นที่อำเภอสวรรคโลก ไปบรรจบกับห้วยแม่มอกที่อำเภอศรีสำโรง เป็นระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร 
            ทรัพยากรแร่ธาตุ แร่ธาตุที่สำคัญที่พบในจังหวัดสุโขทัยมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ หินอ่อน หินปูน พลวง ดินขาว แมงกานิส ฟลูออไรด์ และแร่รัตนชาติ นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุที่มีการขุดพบแต่ยังไม่นำมาใช้ประโยชน์ คือ ทองแดงและเหล็ก แหล่งแร่ที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัยมีอยู่แถบภูเขาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณอำเภอศรีสัชนาลัยและอำเภอทุ่งเสลี่ยม

แผนที่จังหวัดสุโขทัย


แหล่งที่มา:   http://www.sukhothai.go.th/3584/data/data_01.htm